PhruksaphopSPhotography

View Original

Why Hireing a Professional Photographer is SO important? ทำไมถึงต้องจ้างช่างภาพฝีมือดี?

สวัสดีครับ วันนี้ผมก็อยากจะพูดถึงการถ่ายภาพในงานสำคัญต่างๆและความสำคัญในการจ้างช่างภาพมาถ่ายภาพให้กับคุณแทนที่จะให้เพื่อนของคุณมาถ่ายให้

ครับแน่นอนครับสมัยนี้ใครๆก็มีกล้องดิจิตอลกันทั้งนั้นแถมเพื่อนๆของคุณก็ได้รูปได้ดีทีเดียวเคยเห็นรูปที่เค้าลงตาม social media มาบ้างแล้วถ่ายสวยทีเดียว จะมาเสียเงินจ้างช่างภาพไปเพื่อ? อืมเพื่อนๆของคุณก็ถ่ายรูปสวยทีเดียวเท่าที่ติดตามดูใน Facebook ของเค้าแต่ผมคิดว่าการถ่ยรูป พรีเวดดิ้ง (pre-wedding) หรือในงาน เวดดิ้ง (wedding) จริงๆนั้นมันสำคัญมากกๆ สำคัญขนาดที่ว่าจะต้องทำได้สมบูรณ์แบบจะพลาดไม่ได้เลย เราเองก็เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับคู่บ่าวสาวมาโวยวายเล่าถึงเรื่องราวของตัวเองที่ให้เพื่อนถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง (pre-wedding) รูปงานแต่งหรือจ้างช่างภาพที่ไม่มีความรับผิดชอบไม่เป็นมืออาชีพแล้วต้องเสียใจผิดหวังกับการตัดสินใจของตัวเองไปแล้วมากมายครับ หลายๆท่านคิดว่าการไม่จ้างช่างภาพที่ฝีมือดี เป็นการประหยัดเงินในส่วนนี้ไปแต่จริงๆแล้วในระยะยาวนั้นผมว่าคุณกำลังคิดผิดครับ เพราะว่ารูปถ่ายจะเป็นสิ่งเดียวที่บันทึกเหตุการณืสำคัญของคุณไว้ หากรูปเหล่านั้นไม่มีคุณภาพอย่างที่คุณเคยต้องการหรือฝันไว้ ความทรงจำเพียงอย่างเดียวที่คุณมีก็เสียหายไปด้วยครับ 

หลายๆท่านอาจคิดว่าราคาค่าตัวและค่า "ฝีมือ" ของช่างภาพที่ท่านเห็นนั้นแพงจังเลย เค้ามาถ่ายรูปให้เรา กดชัตเตอร์แป๊ปเดียวก็ได้ค่าจ้างเป็นหมื่นละ งานสบายง่ายนิดเดียว  ผมอยากให้ท่านคิดใหม่ครับ

ช่างภาพที่ดีนั้นเค้าจะต้องมีการพบปะพูดคุยให้คำแนะนำกับลูกค้าในส่วนของแผนงาน ว่าในงานมรกำหนดการเป็นอย่างไร ที่ไหน คอนเซปต์และธีมของงานเพื่อเตรียมพร้อมว่าเค้ารู้คิวและตำแหน่งต่างๆที่จะทำให้ได้ภาพที่สวยงามโดยไม่พลาดช่วงเวลาที่สำคัญไป ในส่วนของงานพรีเวดดิ้ง (pre-wedding) นั้น การคุยเรื่องของเรื่องราว คอนเซปต์และธีมจะช่วยให้สามารถถ่ายทอดอารมณ์และเรื่องราวของคุณออกมาได้อย่างตรงใจลูกค้า ซึ่งในส่วนนี้ก็เหมือนกับพวกเค้าทำหน้าที่ส่วนนึงของ wedding planner ให้ท่านไปแล้วด้วยซ้ำ ในวันถ่ายจริงพวกเค้าก็ต้องอยู่ถ่ายรูปให้คุณตลอด 10-12 ชั่วโมง หลังจากวันงานพวกเค้าก็ต้องทำการปรับแต่งภาพจำนวนนับร้อยนับพันแล้วตระเตรียมเพื่อให้ลูกค้าดูอีก รูปแต่ละรูปนั้นก็ต้องผ่านการตบแต่งเพื่อให้สวยงามและสมบูรณืแบบมากขึ้นซึ่งเป็นกระบวนการที่กินเวลามากๆเลยครับ อาจใช้เวลาตั้งแต่หลายวันถึงหลายอาทิตย์เลยครับ หลังจากนั้นก็ยังต้องออกแบบ อัลบี้ม จัดเรียงภาพโฟโต้บุคซึ่งก็กินเวลาถึงสองวัน ไหนจะต้องดูแลธุรกิจในด้านอื่นๆเช่นการบัญชี ตอบอีเมล์ลูกค้า โฆษณา หรือให้คำแนะนำลูกค้าท่านอื่นๆ  ในทุกๆข้อที่กล่าวมานั้นไม่ใช่แค่ใช้เวลาเท่านั้นครับมันยังต้องใช้เงินลงทุนด้วยครับ

ช่างภาพที่ดีส่วนใหญ่จะต้องมีสองกล้องเวลาถ่ายงานทั้งนี้เพื่อเหตุผลสองประการ หนึ่งคือการมีอีกกล้องเป็น backup นั้นจะช่วยเป็นการรับรองว่าหากอีกกล้องหนึ่งพังระหว่างถ่ายงานก็ยังมีอีกกล้องนึงที่สามารถใช้ถ่ายต่อไปได้โดยไม่เกิดการขาดตอน  ไหนช่างภาพจะต้องมีเลนส์หลายๆตัวครอบคลุมในหลายๆช่วง ต้องมีแฟลช แบตเตอรีสำรอง เมมโมรีการ์ดสำรอง และอื่นๆอีกมากมายครับ นี่ยังไม่รวมค่าเดินทาง ค่าประกันอุปกรณ์ ค่าบำรุงรักษา จะเห็นว่าค่าถ่ายรูปที่ท่านว่าราคาสูงนั้นมันก็เป็นเพราะว่ามันเป็นธุรกิจที่มีต้นทุนสูงครับ ค่าดำเนินการและบำรุงรักษาก็เช่นกัน กล้องระดับโปรตัวหนึ่งก็ประมาณ 200,000+ บาท ต้องมีสองตัวอย่างที่กล่าวไปแล้ว เลนส์ถ่ายภาพอย่างดีก็อาจตัวละ 70,000+หรือเป็นแสนก็มี

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มือสมัครเล่นไม่มีครับ หากเพื่อนของคุณที่ถ่ายให้เกิดกล้องขัดข้องขึ้นมาละก็ รับรองว่าการถ่ายรูปในวั้นั้นก็จบครับ อีกข้อหนึ่งก็คือเพื่อความรวดเร็วครับ ไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนเลนส์ ตัวนึงใส่ช่วงเทเลโฟโต้อีกตัวใส่ช่วงไวด์ ทำให้สามารถเก็บภาพได้ทันในทุกๆเวลาสำคัญและครอบคลุมหลายๆมุมมอง

จากใจของช่างภาพมืออาชีพถึงเหตุผลที่คุณควรจ้างช่างภาพมืออาชีพ....

1) ภาพถ่ายสวยๆนั้นมันมากกว่าแค่มีกล้องดีๆแพงๆครับ ต้องอธิบายก่อนว่าไม่ใช่ว่าแค่ซื้อกล้องราคาแพงมาแล้วคุณก็จะถ่ายภาพได้สวยและกลายเป็นมืออาชีพในทันที พวกเรานั้นกว่าจะมาเป็นมืออาชีพนั้นต้องผ่านการฝึกฝนการถ่ายรูปมาหลายปีเพื่อให้เราสามารถถ่ายภาพออกมาด้วยความสวยงามในทุกๆครั้งอย่างสม่ำเสมอ (consistency) ใช่แล้วครับความสม่ำเสมอนี่แหละคือความแตกต่างครับ มือสมัครเล่นอาจจะถ่ายภาพสวยๆออกมาได้แต่ก็ไม่ได้ในทุกๆครั้งไป ในขณะที่มืออาชีพนั้นจะต้องทำให้ได้ในทุกครั้ง ระบบออโตเมติกของกล้องนั้นมันไม่สามารถอ่านแสงและปรับค่าของกล้องออกมาได้ถูกต้องเมอไปไม่ว่ากล้องจะดีแค่ไหนก็ตาม ดังนั้นช่างภาพที่ถ่ายแบบแมนนวลจะรู้ว่าต้องปรับค่าอย่างไรเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพแสงขณะนั้น อยากได้ภาพสวยๆย้อนแสงของคุณกับคู่รักที่มีฉากหลังเป็นพระอาทิตย์ที่กำลังตกเหรอครับ? มืออาชีพเท่านั้นที่ทำได้กล้องเองไม่สามารถอ่านค่าได้ถูกต้องแน่นอน 

2) ช่างภาพจะรู้ว่าพิธีนั้นมีขั้นตอนเป็นอย่างไร ทำให้สามารถคาดคะเนและเตรียมตัวอยู่ในจุดที่สามารถถ่ายภาพออกมาได้สวยที่สุด รู้ว่าจังหวะไหนควรถ่ายภาพทำให้ได้โมเมนต์ที่สวยๆเช่นพ่อของเจ้าสาวที่ยิ้มปลาบปลื้มจนน้ำตาไหล ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีได้เฉพาะช่างภาพที่มีประสบการณ์เท่านั้น

3) ช่างภาพมืออาชีพจะรู้ว่าต้องทำอย่างไรเมื่ออยู่ในสภาพแสงที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการถ่ายภาพนักเช่น ห้องที่ค่อนข้างมืด ช่างภาพที่ดีจะรู้ได้ในทันทีว่าต้องอยู่ตรงไหนถ่ายตรงไหนอย่างไรโดยไม่มีคำว่าผิดพลาด ทุกๆครั้งไป

ยังมีเหตุผลอื่นๆอีกครับหากนั่นยังไม่เพียงพอเช่น....

  • มือสมัครเล่นจะไม่มีการเตรียมอุปกรณ์สำรองเผื่อไว้ในกรณีฉุกเฉิน เช่นกล้องสำรอง เมมโมรีสำรอง แบตเตอรีสำรอง แต่มืออาชีพจะเตรียมพร้อมกับเรื่องเหล่านี้เอาไว้ครับเพื่อไม่ให้ภาพเหตุการณ์และความทรงจำในวัยสำคัญของคุณหายไป
  • เพื่อนมือสมัครเล่นของคุณคงไม่ทราบว่าจะถ่ายภาพหรือใช้แฟลชอย่างไรในที่มืดหรือสภาพแสงที่ไม่เอื้ออำนวย โดยเฉพาะงานแต่งงานที่มีการเปลี่ยนสภาพแสงบ่อยๆเช่นที่ที่สว่างมากไปเป็นที่ๆมืดมาก แต่มืออาชีพจะรู้ว่าต้องปรับเปลี่ยนค่าต่างๆในกล้องอย่างไรเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพแสงที่เปลี่ยนไป

 

  • หากคุณตัดสินใจให้เพื่อนของคุณถ่ายภาพให้คุณแน่ใจหรือครับว่าเค้าจะถ่ายรูปให้คุณอย่างเต็มที่ตลอดทั้งงาน แขกต่างๆและเพื่อนของคุณนั้นก็คงอยากจะมาสังสรรค์และดื่มฉลองกันใช่มั้ยล่ะครับบางครั้งงานแต่งงานอาจล่วงเลยไปจนถึงสี่ห้าทุ่ม คุณคิดว่าเพื่อนของคุณจะอยู่ถ่ายภาพเก็บบรรยากาศต่างๆให้คุณตลอดจนถึงเวลานั้นหรือเปล่า ผมว่ามีโอกาสมากที่เพื่อนของคุณจะเบื่อและเปลี่ยนใจไปสังสรรค์กับคณะที่เหลือแทน แต่มืออาชีพอย่างเราครับ สามารถตะลุยได้ต่อไปโดยที่คุณไม่ต้องห่วงว่าจะพลาดเหตุการณ์ไหนเลยครับ เรายินดีจะบันทึกความทรงจำให้คุณตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ

    แน่นอนครับมันเป็นเรื่องที่ท่านอาจจะคิดว่า PhruksaphopSPhotography รับถ่ายภาพก็ต้องเชียร์ให้ท่านใช้บริการถ่ายภาพและเสียเงินไปกับแพกเกจของเรา เราอยากให้ท่านได้ในสิ่งที่คุ้มค่าคุ้มเวลากับวันสำคัญของท่านครับ และเราก็เข้าใจดีครับว่าทุกๆท่าเองก็มีงบที่แตกต่างกันไป ดังนั้นเราก็มีคำแนะนำเล็กๆน้อยๆที่ช่วยประหยัดงบให้กับท่านได้บ้าง

  • เลือกจัดงานในช่วง off season ซึ่งเป็นช่วงที่คนไม่นิยมจัดงานแต่งงานมากนัก หากท่านเลือกจัดงานในช่วงยอดนิยมเช่นตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงมีนาคม ส่วนใหญ่ช่างภาพจะมีงานค่อนข้างเต็มรวมไปถึงโรงแรมและสถานที่ต่างๆก็เต็มทำให้มีค่าใช้จ่ายสูงไปด้วยครับ หากเป็นช่วงอื่นเรทราคาก็จะไม่สูงเท่า
  • เลือกหาช่างภาพทีมีแพกเกจแบบครึ่งวันหรือคิดเป็นชั่วโมงทั้งนี้ท่านสามารถเลือกจ่ายได้ความเหมาะสมและเวลาของงานโดยไม่ต้องเสียแบบเหมาเต็มวันหากท่านไม่ต้องการ 
  • ซื้อแพกเกจแบบที่ให้เป็นไฟล์ภาพทั้งหมดอย่างเดียวโดยที่ท่านไม่ต้องไปเสียเงินซื้อภาพเพิ่มหรือทำอัลบั้มในภายหลัง วิธีนี้จะช่วยประหยัดงบไปได้มากและหากวันหลังท่านต้องการทำอัลบั้มก็สามารถทำได้ในภายหลัง
  • ลองมองหาโปรโมชันต่างๆจากในแมกกาซีนหรือเว็บไซต์ต่างๆ

หรือท่าลองถามช่างภาพของท่านดูว่ามีแพกเกจแบบผ่อนชำระหรือเปล่า หากสามารถผ่อนชำระได้ท่านก็สามารถกระจายค่าใช้จ่ายออกไปได้

เอาล่ะครับหลังจากได้อ่านบทความนี้แล้วท่านรู้สึกอย่างไรครับ ท่านเป็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ไม่ได้จ้างช่างภาพมือมืออาชีพหรือเปล่า ภาพที่ออกมาเป็นอย่างไรบ้างถูกใจหรือเปล่าครับ ท่านกำลังจะแต่งงานแล้วมีแพลนเรื่องช่างภาพหรือเปล่า คิดอย่างไรลองมาแชร์กันครับ